วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สวนมะม่วงงามเมืองย่าโม ปลูกสมุนไพรป้องโรค


สวนมะม่วงงามเมืองย่าโม ปลูกสมุนไพรป้องโรค



  • Share
สวนมะม่วงงามเมืองย่า คิดค้นการปลูกสมุนไพรพื้นบ้าน ดีปลีและพริกไทย คู่กับต้นมะม่วง สามารถป้องกันโรคและศัตรู และยังสร้างรายได้จากการจำหน่ายผลดีปลีและพริกไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 4 แสนบาท

นครราชสีมา – วันนี้ (5 มิ.ย. 55) ภายหลังจากที่นายกิจติกร กีรติเรขา อดีตข้าราชการครู ใน ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ที่ผันตัวเองมาเป็นเกษตรกรปลูกมะม่วงพันธุ์งามเมืองย่า ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งปลูกไว้บนเนื้อที่ 44 ไร่ ซึ่งเป็นมะม่วงที่มีคุณสมบัติพิเศษกว่ามะม่วงทั่วๆไป คือให้ผลดอกงาม ลูกใหญ่ มีน้ำหนักกว่า 1กิโลกรัม รสชาติหอมหวานอร่อย ปัจจุบันกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งตลาดส่วนใหญ่จะเป็นตลาดในแถบรัสเซีย ที่นิยมบริโภคมะม่วงสายพันธุ์นี้อย่างมาก รวมถึงตลาดระดับบนของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ได้รับความนิยมเนื่องจากเป็นมะม่วงอินทรีย์ ปลูกโดยระบบออร์แกนิกส์ ไร้สารเคมีในทุกขั้นตอน จึงทำให้มะม่วงงามเมืองย่ากลายเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญและสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศมากกว่า 28 ล้านบาทต่อปี แต่ปัจจุบันปุ๋ยอินทรีย์ที่จะนำมาใช้ในกระบวนการผลผลิตมะม่วงงามเมืองย่ากำลังประสบกับปัญหาสารปนเปื้อน ประกอบกับใกล้ช่วงฤดูฝนก็จะทำให้ลำต้นเกิดเชื้อราจากอากาศที่ชื้นและยังก่อให้เกิดการเน่าในภายในลำต้นมะม่วงงามเมืองย่า ก็ยังส่งผลไปยังการออกผลผลิตที่ลดน้อยลงและรสชาติที่ผิดเพี้ยนไป ดังนั้นทำให้นายกิจติกรฯ เจ้าของสวนจึงต้องเร่งพัฒนาปุ๋ยเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่ต้นมะม่วงงามเมืองย่า
จนกระทั้งพบว่าการนำปุ๋ยหมักจากมูลสุกรมาฉีดพ้นบริเวณลำต้นและใบมะม่วงก็จะทำให้ต้นมะม่วงได้รับสารอาหารที่เต็มที่และยังทำให้ต้นมะม่วงออกได้ตลอดทั้งปี และการผลวิจัยของมหาวิทยาลัยเกา๖รศาสตร์กำแพงแสนและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ได้นำเอาสมุนไพรพื้นบ้าน อย่างเช่น ต้นดีปลีและต้นพริกไทย ที่มีสรรพคุณในการช่วยป้องกันแมลงและศัตรูพืช รวมทั้งการจัดการของโรค แอนแทรคโนส หรือ โรคเน่าใน ของต้นมะม่วง โดยการนำมาปลูกบริเวณใต้ต้นมะม่วงจะสามารถช่วยป้องกันการเน่าในของต้นมะม่วงได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันศัตรูพืชที่จะมีค่อยกัดกินผลมะม่วง อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้จากการเก็บผลของดีปลีและพริกไทยไปจำหน่ายตามท้องตลาดเพื่อเพิ่มรายได้เช่นกัน
นายกิจติกร กีรติเรขา อดีตข้าราชการครู เจ้าของสวนมะม่วงงามเมืองย่า กล่าวว่า สำหรับการปลูกมะม่วงงามเมืองย่านั้นเป็นการปลูกแบบอินทรีย์  ซึ่งในปัจจุบันได้มีสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ 1 ไร่หายจน นั้นกระจาอยู่ทั่วประเทศ และการที่มีการพัฒนามะม่วงงามเมือย่านั้นเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่งแกวงการผู้ปลูกมะม่วงไทย ซึ่งในปัจจุบันได้มีการแปรรูปมะม่วงออกมานานาชนิดเพื่อรองรับความต้องการในการบริโภค ไม่ว่าจะเป็น น้ำมะม่วง  แยมมะม่วง และคอสเมติกส์  แต่สิ่งที่ทำการแปรรูปออกมาแล้วได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ แยมมะม่วง ที่ขณะนี้กำลังได้รับความสนใจจากอเมริกา ที่ได้ประสานเข้ามาเพื่อขอไปจำหน่ายภายในอเมริกา ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสที่จะมีการเปิดการตลาดของมะม่วงงามเมืองย่า ที่ได้มีการเพาะปลูกในระบบอินทรีย์ภายในประเทศไทย และสำหรับเรื่องของระบบการปลูกมะม่วงงามเมืองย่าในขณะนี้ก็ได้มีการคิดค้นได้การเพาะปลูกแบบใหม่ ซึ่งมะม่วงงามเมืองย่านั้นเป็นมะม่วงที่มีการปลูกแบบระยะชิด คือ 2 คูณ 2 เมตร ปลูกจำนวน 400 ต้น ต่อ 1 ไร่ ซึ่งในปัจจุบันในการปลูกก็จะปลูกในแนว 90 องศาตะวันออกซึ่งในแนวทางนี้จะทำให้ต้นมะม่วงออกผลมากกว่าเดิมเกือบเทาตัวและความสูงของต้นเมื่อเก็บเกี่ยวก็จะสะดวกกว่าต้นที่ปลูกแบบตั้งปกติ ซึ่งแนวทางในความคิดนี้ตนได้ใช้ระยะเวลานานกว่า 15 ปี ในกาคิดค้น ซึ่งในขณะนี้ก็ได้มีขยายไปยังสมาชิกในกลุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับเรื่องการดูแลตนอยากให้เกษตรกรหันมาปรับเปลี่ยนในเรื่องของเคมี ให้มาเปลี่ยนเป็นอินทรีย์ โดยการใช้น้ำมูลสุกรนำมาฉีกพ้นที่ลำต้นและใบของมะม่วง ซึ่งจะทำให้มะม่วงออกผลตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีในการลดหรือการเร่งออกผลแต่อย่างใด ซึ่งจากการผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน ที่มีผลวิจัยออกมาว่า น้ำมูลสุกรนั้นมีปริมาณไนโตรเจนที่สูง ดังนั้นเมื่อนำมารดต้นมะม่วงงามเมืองย่าก็จะทำให้ต้นมะม่วงติดผลอยู่เรื่อยๆ และอีกวิธีหนึ่งที่ได้นำผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าดีปลี และ พริกไทย มีสารในการช่วยป้องกันและการจัดการของโรค แอนแทรคโนส หรือ โรคเน่าใน  ดังนั้นตนจึงนำดีปลีมาปลูกไว้ที่บริเวณใต้ต้นมะม่วงเพื่อให้สารจากดีปลีซึมเข้าไปยังในเปลือกของมะม่วงทำให้มะม่วง จะไม่เน่าเสีย  และเมื่อเก็บมะม่วงไปจำหน่ายแล้วยังสามารถเก็บผลของดีปลีและพริกไทย ไปจำหน่ายในกิโลกรัมละ 100 บาท ซึ่งในแต่ละปีทำให้สวนมะม่วงงามเมืองย่าสามารถเก็บผลดีปลีและพริกไทยที่ปลูกใต้ต้นมะม่วงจาก 400 ต้น กว่า 4 พันกิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 4 แสนบาท นายกิจติกรฯ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น